แอสปาร์แตม Aspartame
เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล (จัดเป็นวัตถุเจือปนอาหารชนิดหนึ่ง) ซึ่งไม่ให้พลังงาน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aspartyl-Phenylalanine-1-Methyl Ester ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือกรดอะมิโน 2 ตัวต่อกันได้แก่ กรดแอสปาร์ติก และ ฟีนิลอะลานีน
แอสปาร์แตมมีความหวานกว่าน้ำตาลซูโครส (น้ำตาลทราย) ประมาณ 200 เท่า ในปัจจุบันผลิตออกจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนในยี่ห้อสินค้าต่าง ๆ แอสปาร์แตมเป็นส่วนประกอบในอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มกว่า 5000 ชนิด ที่วางขายทั่วโลก โดยทั่วไปเราจะใช้แอสปาร์แตมผสมเครื่องดื่ม หรือทำอาหารให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ใช้เป็นสารให้รสหวานในอาหาร น้ำอัดลม เครื่องดื่ม อาหารแห้ง กาแฟผสมไอศกรีม เยลลี่ และขนมหวานต่างๆ สารนี้ให้พลังงานต่ำในอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรืออาหารสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
ความหวาน (Sweetness) แอสพาร์แตมให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลซูโครส (Sucrose) ประมาณ 180-200 เท่า (ดู Relative Sweetness ของแอสพาร์แตม กับสารให้ความหวานชนิดอื่นๆ แอสพาร์แตมเป็นเพปไทด์ที่ให้พลังงาน 4 แคลอรี่/กรัม แต่เนื่องจากแอสพาร์แตมจะให้รสหวานกว่าที่ความเข้มข้นต่ำ และที่อุณหภูมิห้องจะให้รสหวานมากกว่าที่อุณหภูมิต่ำ การที่มีความหวานมากจึงใช้ในปริมาณน้อยมาก จึงให้พลังงานน้อยมาก
ความสามารถในการละลาย (Solubility) การละลายของแอสพาร์แตมขึ้นอยู่กับค่า pH และอุณหภูมิ ซึ่งค่า pH ที่ละลายได้ดีที่สุด คือค่า pH 2.2 และละลายได้น้อยที่สุดคือที่ค่า pH 5.2 ซึ่งเป็นจุด Isoelectric Point ของสารละลาย
สำหรับประโยชน์ของแอสปาร์แตมพอสรุปได้ดังนี้
- ใช้ปรุงแต่งรสชาติอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ติดรสหวาน
- ใช้บริโภคแทนน้ำตาลในช่วงภาวะที่ต้องคุมน้ำหนักตัว
- ลดปัญหาเรื่องฟันผุด้วยมีการใช้ในปริมาณต่ำก็สามารถปรุงความหวานได้เทียบเท่ากับน้ำตาล
ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าการใช้แอสปาร์แตมสามารถส่งผลเสียต่อผู้บริโภคอย่างไรบ้าง ดังนั้นขนาดการใช้แอสปาร์แตมจึงต้องเป็นไปตามเอกสารกำกับยา/เอกสารกำกับผลิตภัณฑ์หรือตามคำสั่งแพทย์