เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) เมล็ดแฟลกซ์มาจากพืชชนิดหนึ่ง ชื่อ Linum usitatissimum หรือต้นลินิน ดังนั้นเมล็ดแฟลกซ์ ก็คือ เมล็ดลินินนั่นเอง
เมล็ดแฟลกซ์ อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร และ กรดไขมันโอเมก้า3 เส้นใยอาหารที่พบในเมล็ดแฟลกซ์นี้พบมากบริเวณเยื่อหุ้มเมล็ด การกินก่อนอาหารมักทำให้รู้สึกหิวน้อยลง จึงอาจกินอาหารได้ลดลง นักวิจัยบางกลุ่มเชื่อว่า เส้นใยนี้จะเกาะกับไขมันคอเลสเตอรอลในอาหาร ทำให้เราดูดซึมได้ลดลง นอกจากนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังอาจทำให้เ่ลือดแข็งตัวช้าลง จึงอาจมีผลช่วยเรื่องลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่างๆ
นอกจากนี้ได้มีการนำมาวิจัยเกี่ยวกับการต้านมะเร็งเต้านม เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์เมื่อถูกย่อยสลายในร่างกายจะกลายเป็นสารลิกแนน (Lignans) ซึ่งเป็นสารคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ซึ่งจะไปแย่งจับกับตัวรับของเอสโตรเจน ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนออกฤทธิ์ลดลง อาจช่วยชะลอการเจริญของมะเร็งเต้านมบางชนิดที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจนได้
เมล็ดแฟลกซ์อาจช่วยในโรคต่างๆต่อไปนี้
· เบาหวาน งานวิจัยพบว่าการกินผลิตภัณฑ์จากเมล็ดแฟลกซ์ชนิดหนึ่ง วันละ 3 เวลาเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าระดับน้ำตาลสะสมในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลง
· ไขมันโลหิตสูง พบว่าเมล็ดแฟลกซ์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้การบด การเอาไขมันออก (defatted) ขนมปังเมล็ดแฟลกซ์ ช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอลรวม และไขมันไม่ดีได้ในผู้ที่ไขมันปกติ รวมถึงชาย และหญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนที่มีไขมันสูง แต่ไม่ค่อยมีผลกับไขมันดี HDL คอเลสเตอรอล และ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ อย่างไรก็ตาม พบว่าเมล็ดแฟลกซ์ที่ผ่านการนำไขมันออก (defatted flaxseed) คือมีกรดอัลฟาไลโนเลนิก (alpha linolenic acid) ลดลงจากปกติ อาจทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้
· โรคแพ้ภูมิตัวเองเอสแอลอี (SLE)
การกินเมล็ดแฟลกซ์อาจช่วยการทำงานของไตในผู้ป่วย SLE ให้ดีขึ้นได้
เมล็ดแฟลกซ์ค่อนข้างปลอดภัย การกินเมล็ดแฟลกซ์อาจทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น บางคนอาจมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย คลื่นไส้ได้ มีบางคนกังวลว่าการกินเมล็ดแฟลกซ์ปริมาณมากๆอาจทำให้เกิดการอุดตันในลำไส้ เนื่องจากมีไฟเบอร์มาก ควรดื่มน้ำมากๆเพื่อป้องกันภาวะดังกล่าว มีการผลิตเมล็ดแฟลกซ์ที่เอาไขมันออกบางส่วน ซึ่งเมล็ดแฟลกซ์ชนิดนี้มีปริมาณกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิกน้อยกว่าเมล็ดแฟลกซ์ทั่วไป ผู้ชายบางคนเลือกเมล็ดแฟลกซ์ชนิดนี้เนื่องจากกังวลเรื่องกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิกที่อาจสัมพันธ์กับเรื่องมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม พบว่ากรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิกที่สัมพันธ์กับมะเร็งดังกล่าวนั้นเฉพาะที่มาจากนมและเนื้อสัตว์ ส่วนกรดไขมันอัลฟาไลโนเลนิกที่มาจากพืชเช่นเมล็ดแฟลกซ์นั้นไม่พบว่ามีความสัมพันธ์ดังกล่าว นอกจากนี้เมล็ดแฟลกซ์ที่เอาไขมันออกบางส่วนอาจมีส่วนทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ เมล็ดแฟลกซ์ที่ดิบ หรือ ยังไม่สุก (unripe) นั้นอาจเป็นพิษ ควรหลีกเลี่ยง
ใครบ้าง ที่ควรระมัดระวังในการกินเมล็ดแฟลกซ์ ? อาจต้องระวังการกินเมล็ดแฟลกซ์ในภาวะต่างๆต่อไปนี้
· แนะนำหลีกเลี่ยงการกินเมล็ดแฟลกซ์ดิบในผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากอาจออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนใดๆก็ตาม
· ผู้ที่มีโรคเลือดหยุดยาก หรือ รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin), วาฟาริน (Warfarin) เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์อาจทำให้การแข็งตัวของเลือดช้าลง อาจทำให้เลือดหยุดยากมากขึ้นได้
· เบาหวาน เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์อาจทำให้ระดับน้ำตาลต่ำเกินไปได้หากทานร่วมกับยาเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ และตรวจระดับน้ำตาลสม่ำเสมอ
· ทางเดินอาหาร หรือ ลำไส้อุดตัน เนื่องจากเส้นใยอาหารที่มีมากในเมล็ดแฟลกซ์อาจทำให้ภาวะดังกล่าวแย่ลงได้
· ภาวะที่ไวต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม โพรงมดลูก รังไข่ ช็อคโกแลตซิสต์ เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์อาจทำงานคล้ายเอสโตรเจน ถึงแม้ว่างานวิจัยใหม่ๆจะออกมาว่าน่าจะเป็นการต้านฤทธิ์เอสโตรเจนมากกว่าเสริมฤทธิ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการกินปริมาณมากๆไปก่อนในขณะที่ยังไม่มีงานวิจัยที่ชัดเจน
· ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง เมล็ดแฟลกซ์ที่เอาไขมันออกบางส่วนอาจมีส่วนทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้
· ความดันโลหิตต่ำ หรือ ความดันโลหิตสูงที่รับประทานยาลดความดัน เนื่องจาก เมล็ดแฟลกซ์อาจลดความดันโลหิต ในทางทฤษฎีถ้าใช้ร่วมกับยาลดความดันอาจทำให้ความดันต่ำเกินไปได้ จึงควรวัดความดันสม่ำเสมอ